> การทำงานด้านสิ่งแวดล้อม

> การทำงานด้านสิ่งแวดล้อม

 

เมื่อความจริงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศปรากฏชัดเจนขึ้น เราทุกคนต่างตระหนักว่ามนุษยชาติกำลังใช้ทรัพยากรในอัตราที่เกินระดับที่โลกของเราสามารถยั่งยืนในระยะยาวได้ แม้ว่าปูนซีเมนต์และคอนกรีตจะเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำที่สุดต่อหน่วยความแข็งแรงและต้นทุนจนถึงปัจจุบัน แต่อุตสาหกรรมคอนกรีตก็ต้องมีส่วนในการลดความเข้มข้นของคาร์บอนในสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การรักษาสมดุลระหว่างการผลิตและการดูแลสิ่งแวดล้อมจึงเป็นภารกิจที่สำคัญของเรา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการจัดการสิ่งแวดล้อมของเรา บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) จึงได้นำระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO14001 มาใช้เป็นแนวทางในการจัดการสิ่งแวดล้อมขององค์กร

 แรงบันดาลใจจากคำมั่นสัญญาของอนาคตที่ยั่งยืนและรุ่งเรืองสำหรับทุกคน กลุ่มบริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายการทำงานด้านความยั่งยืนปี 2030 ซึ่งธุรกิจปูนซีเมนต์ในประเทศไทยก็มีเป้าหมายเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เราได้พัฒนาเป้าหมายที่ท้าทายมากขึ้นบนพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ให้สอดคล้องกับทุกหน่วยธุรกิจทั่วทั้งกลุ่ม เพื่อให้มั่นใจว่าในฐานะกลุ่มบริษัทฯ เราจะสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและพลังงาน
(CLIMATE AND ENERGY) 



 

ภาวะโลกร้อนเป็นหนึ่งในความท้าทายเร่งด่วนที่สุดที่โลกกำลังเผชิญ หากไม่ดำเนินการแก้ไข จะส่งผลกระทบทั้งต่อระบบภูมิอากาศและความปลอดภัยของประชากรโดยรวม ธุรกิจปูนซีเมนต์ในประเทศไทย สอดคล้องกับกลยุทธ์การทำงานด้านความยั่งยืนของกลุ่มบริษัทฯ ที่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหานี้ รวมถึงความจำเป็นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วยการพัฒนาเป้าหมายและโครงการที่สามารถบรรลุได้ในด้านภูมิอากาศและพลังงาน 

เป้าหมายด้านการทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและพลังงาน

  • ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วทั้งกลุ่มบริษัทฯ จากการลดการปล่อยให้น้อยกว่า 530 กิโลกรัม/ตันซีเมนติเชียส เป็นน้อยกว่า 470 กิโลกรัม/ตันซีเมนติเชียส ซึ่งเป็นการลดลงถึงกว่าร้อยละ 25 ของทั้งกลุ่มบริษัทฯ จากปีฐาน 2563 
  • เพิ่มการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานสะอาด (renewable energy) ให้ได้ ร้อยละ 50

โครงการที่เกี่ยวข้องกับการทำงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและพลังงาน 

ธุรกิจปูนซีเมนต์และมาตรการลดสัดส่วนการใช้ปูนเม็ด

สัดส่วนการใช้ปูนเม็ด (Clinker Factor: CF) ของธุรกิจซีเมนต์ในกลุ่มบริษัทฯ ปีนี้ ลดลง 2.4 % เมื่อเทียบกับปี 2566 และลดลง 4.1% จากปีฐาน 2563 โดยในธุรกิจปูนซีเมนต์ของประเทศไทย มีความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนกลยุทธ์การขายที่มุ่งเน้นยอดขายจากปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ ที่มีสัดส่วนการใช้ปูนเม็ดที่ลดลง แทนที่ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ (Ordinary Portland Cement: OPC) รวมถึงการติดตั้งระบบแยกบดหินปูน และใช้สารช่วยบดชนิดใหม่เพื่อช่วยลดปริมาณปูนเม็ดในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์อย่างต่อเนื่อง

ด้านธุรกิจปูนซีเมนต์ของประเทศเวียดนาม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์การลดสัดส่วนปูนเม็ดของกลุ่มบริษัทฯ ด้วยการพัฒนาปฏิกิริยาของปูนเม็ดและการพัฒนาสูตรส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ โดยนำเทคโนโลยีสารช่วยบดแบบใหม่มาใช้ และที่โรงงานผลิตหลักในจังหวัดฮอนชอง สามารถลดสัดส่วนปูนเม็ดลงได้ 3.0% จากปี 2566 ถึง 2567 และลดลงมากกว่า 7.0% นับตั้งแต่ปีฐาน 2563 โดยเวียดนามยังคงมีสัดส่วนปูนเม็ดต่ำที่สุดในกลุ่มบริษัทฯ และในขณะเดียวกัน ยังรักษาคุณภาพปูนซีเมนต์ให้เป็นไปตามมาตรฐานและความต้องการของลูกค้า

สำหรับธุรกิจปูนซีเมนต์ของประเทศศรีลังกา มีการลดสัดส่วนปูนเม็ดลง 0.6% ผ่านการเปลี่ยนมาใช้ปูนซีเมนต์คอมโพสิตปอร์ตแลนด์ (PCC) เกือบ 100% โดยใช้เถ้าลอยและตะกรัน ซึ่งความสามารถในการเกิดปฏิกิริยาสูงของปูนเม็ดที่ผลิตและนำเข้าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงนี้ประสบความสำเร็จ

ส่วน Chip Mong INSEE (CMIC) ในกัมพูชา ได้เพิ่มการใช้หินปูนในปูนซีเมนต์ทั้งแบบเทกองและบรรจุถุง โดยได้รับความช่วยเหลือจากสารช่วยบดที่ช่วยเพิ่มกำลังอัด ร่วมกับการปรับพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ ทำให้สามารถลดสัดส่วนปูนเม็ดลงได้ 2.4 จุดจากปี 2566 ถึง 2567

การดำเนินงานทั้งหมดของกลุ่มยังคงมุ่งเน้นไปที่การลดสัดส่วนปูนเม็ดต่อไป โดยให้ความสำคัญกับการปรับปรุงปฏิกิริยาของปูนเม็ด การใช้เทคโนโลยีสารช่วยบดแบบใหม่ และการเพิ่มปริมาณวัสดุประสานทดแทนในผลิตภัณฑ์ของเรา

โครงการพลังงานความร้อน

กลุ่มบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการเพิ่มอัตราการใช้พลังงานทดแทน (Thermal Substitution Rate: TSR) อย่างมีนัยสำคัญในปี 2567 โดยเพิ่มขึ้นจาก 21% ในปี 2566 เป็น 28% ในปี 2567 ผ่านการใช้เชื้อเพลิงทางเลือกแทนถ่านหินมากขึ้น เชื้อเพลิงทางเลือก (Alternative Fuel: AF) ที่ใช้ส่วนใหญ่ได้มาจากวัสดุเหลือใช้จากภาคอุตสาหกรรมอื่น และได้รับการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดก่อนนำไปใช้ในระบบเตาเผา เพื่อให้มั่นใจว่าการเผาไหม้เป็นไปอย่างปลอดภัยและช่วยทดแทนพลังงานจากถ่านหินได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีการใช้ชีวมวลซึ่งถือว่าเป็นพลังงานที่เป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศ (carbon neutral) เพิ่มมากขึ้นด้วย

โดยในประเทศไทย TSR เพิ่มขึ้นจาก 11% ในปี 2565 เป็น 17% ในปี 2566 และเพิ่มเป็น 24% ในปี 2567 การเพิ่มขึ้นนี้ถือเป็นก้าวกระโดดสำคัญของกลุ่มบริษัทฯ ในการลดการใช้ถ่านหินและลดการปล่อยก๊าซ CO โดยมีปัจจัยที่ช่วยผลักดันความสำเร็จ ได้แก่ กลยุทธ์การจัดหาวัสดุเชื้อเพลิงทางเลือกใหม่ เพื่อเพิ่มปริมาณและความมั่นคงของแหล่งเชื้อเพลิง การปรับปรุงกระบวนการเตรียมและเผาร่วมในเตาเผา และ การพัฒนาเทคโนโลยีการป้อนเชื้อเพลิงให้แม่นยำขึ้น

ธุรกิจการผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศเวียดนาม สามารถใช้เชิ้อเพลงทดแทนถ่านหินได้มากกว่า 40% ในปี 2567 โดยมีผลจากการอัปเกรดอุปกรณ์และความเสถียรของกระบวนการเผาตลอดทั้งปี ในประเทศกัมพูชา มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของระบบป้อนเชื้อเพลิงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ของ AF ทำให้ TSR สูงกว่า 30% และในประเทศศรีลังกา การลดความชื้นของเชื้อเพลิงทางเลือกโดยใช้การตากแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ช่วยให้สามารถรักษา TSR ไว้ที่ระดับมากกว่า 40%

ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมาย TSR ไว้ที่ 40% ภายในปี 2573 เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Scope 1 ขององค์กร และกำลังดำเนินการพัฒนา เทคโนโลยีใหม่และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้อย่างต่อเนื่อง

โครงการพลังงานไฟฟ้า

พลังงานไฟฟ้ามีบทบาทสำคัญในการดูแลการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Scope 2 โดยธุรกิจปูนซีเมนต์ของประเทศไทยได้พัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงโครงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนพื้นดินและหลังคา เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัท ในปี 2567 บริษัทฯ ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เฟสแรก ซึ่งเป็นการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์แบบผสม (Solar Farm และ Solar Rooftop) โดยคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO ได้ถึง 54,000 ตันต่อปี และช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจของบริษัท

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เศรษฐกิจหมุนเวียน
(CIRCULAR ECONOMY)


environ-09.jpg environ-13.jpg

กลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวงยกระดับการทำงานด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนตลอดห่วงโซ่คุณค่าของเรา และดำเนินการตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างแข็งขันเพื่อบรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอนในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนั้น ยังช่วยเหลือลูกค้าและคู่ค้าให้สามารถลดขยะได้จากการกระบวนก่อสร้าง รวมถึงยืดอายุการใช้งานอาคารและโครงสร้างพื้นฐานให้ได้ยาวนานมากขึ้น กลุ่มบริษัทฯ ยังมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมที่แสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างจริงจัง ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกที่มีสัดส่วนปริมาณปูนเม็ดที่ลดลง เพื่อทดแทนปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์แบบดั้งเดิม สอดรับกับความมุ่งมั่นที่จะจัดหาทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง

เป้าหมายการทำงานด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน ปี พ.ศ. 2573 

  • เพิ่มการใช้เชื้อเพลิงและวัตถุดิบที่ได้จากขยะมาผลิตปูนเม็ดจาก 0.5 ล้านตันเป็น มากกว่า 1.4 ล้านตันต่อปี
  • เพิ่มการใช้วัตถุดิบพลอยได้ ซึ่งรวมถึงเถ้าลอยและตะกรัน ประมาณร้อยละ 65 ให้บรรลุเป้าหมายที่ 1.7 ล้านตันของการใช้วัตถุดิบพลอยได้ต่อปี

โครงการที่เกี่ยวข้องกับการทำงานด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน

กลยุทธ์ด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนของกลุ่มบริษัทฯ มุ่งเน้นที่การลดการพึ่งพาวัตถุดิบหลักและเพิ่มอายุการใช้งานของโครงสร้างที่สร้างด้วยผลิตภัณฑ์ของเรา เรามุ่งมั่นส่งเสริมความยั่งยืนผ่านแนวทางสำคัญดังต่อไปนี้

  • ส่งเสริมผลิตภัณฑ์หมุนเวียนและเชื้อเพลิงทางเลือก เราให้ความสำคัญกับการเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงทางเลือกและการผสานผลิตภัณฑ์หมุนเวียนเข้ากับกระบวนการดำเนินงานของเรา ซึ่งรวมถึงการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านอัตราการใช้พลังงานทดแทนและการลดสัดส่วนปูนเม็ด เพื่อลดการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ
  • ลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ เราดำเนินโครงการที่มุ่งลดการปล่อยคาร์บอน เช่น การใช้ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกและการปิดวงจรคาร์บอน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเราในการลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศและส่งเสริมแนวปฏิบัติด้านการก่อสร้างที่ยั่งยืน
  • ความร่วมมือในการบริหารจัดการขยะจากการก่อสร้างและรื้อถอน เรากำลังแสวงหาความร่วมมือทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อจัดการขยะจากการก่อสร้างและรื้อถอนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมุ่งให้วัสดุเหล่านี้ได้รับการนำกลับมาใช้ใหม่ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน
  • เป้าหมายขยะเป็นศูนย์ต่อหลุมฝังกลบ เรามุ่งลดขยะตั้งแต่ต้นทาง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีขยะที่ต้องถูกฝังกลบ ด้วยการนำกระบวนการรีไซเคิลขั้นสูงมาใช้ ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัดลงได้อย่างมาก

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรน้ำ
(BIODIVERSITY AND WATER)

environ-06.jpg environ-14.jpg environ-15.jpg 

ประเด็นเรื่องของการบริหารจัดการน้ำ ได้รับการยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาในทุกรูปแบบ เพราะน้ำเป็นทรัพยากรธรรมชาติสำคัญที่มักจะขาดแคลน และนับว่าเป็นหัวใจของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งรวมถึงมวลมนุษยชาติด้วย ซึ่งหากขาดน้ำที่เพียงพอ อาจสร้างให้เกิดความกดดันในทุกภาคส่วน ที่จะส่งผลกระทบไปถึงระดับคุณค่าของความอุดมสมบูรณ์ของสภาพดิน ที่มีผลกระทบต่อเนื่องไปยังพืชพันธุ์ และแหล่งเพาะปลูกอาหารของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ อีกทั้งยังป้องกันระดับความเสื่อมของหน้าดิน และควบคุมคุณภาพและปริมาณของน้ำในระบบนิเวศให้เหมาะสม ตามที่องค์การสหประชาชาติได้กำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับน้ำโดยตรง คือ เป้าหมายที่หก เรื่องการสร้างหลักประกันว่าจะมีการจัดให้มีน้ำและสุขอนามัยสำหรับทุกคน ทำให้เราทุกคนต้องมุ่งเดินหน้าสร้างกลยุทธ์และเป้าหมายเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรม

เป้าหมายการทำงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรน้ำ

  • ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกสุทธิ ต่อความหลากหลายทางชีวภาพภายในปี 2573 ​​
  • กำหนดเป้าหมายการลดอัตราการใช้น้ำต่อการผลิตปูนซีเมนต์อย่างน้อยร้อยละ 20 และส่งเสริมการใช้น้ำผิวดินให้ได้มากกว่าร้อยละ 45 (ปรับขึ้นจากร้อยละ 40) ในกระบวนการผลิตภายในปี 2573

โครงการที่เกี่ยวข้องกับการทำงานด้านความหลากหลายทางชีวภาพและทรัพยากรน้ำ

โครงการปรับปรุงระบบมาตรวัดน้ำ
กลุ่มบริษัทฯ มีการลงทุนปรับปรุงระบบมาตรวัดน้ำ โดยนำมอเตอร์ปรับความเร็วรอบ (Variable Speed Drive : VSD) มาใช้เพื่อปรับปรุงการไหลของน้ำ และลดการรั่วไหล อีกทั้งมีการพัฒนาแอปพลิเคชันโทรศัพท์มือถือสำหรับบันทึกค่ามาตรวัดน้ำ ซึ่งช่วยให้สามารถติดตามปริมาณการใช้น้ำได้อย่างแม่นยำ และสะดวกกับผู้ใช้งาน  ทำให้สามารถติดตามข้อมูลการใช้ทรัพยากรน้ำได้อย่างเป็นระบบ มีความแม่นยำสูง และสามารถตรวจสอบติดตามการใช้น้ำได้มีประสิทธิภาพ มากขึ้น


โครงการแจ้งจุดรั่วซึมน้ำภายในโรงงาน
กลุ่มบริษัทฯ มีการดำเนินกิจกรรมจ้งจุดรั่วซึมน้ำภายในโรงงาน โดยเชิญชวนให้พนักงานและผู้รับเหมามีส่วนร่วมในการตรวจสอบและแจ้งจุดรั่วซึมหรือรั่วไหลของน้ำในพื้นที่ปฏิบัติงาน เพื่อกระตุ้นให้มีการแจ้งปัญหา เชิงรุกและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งเป็นการสนับสนุนการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและลดต้นทุนการดำเนินงาน ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวได้ดำเนินการครอบคลุมธุรกิจปูนซีเมนต์ของบริษัทฯ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

โครงการอ่างเก็บน้ำผิวดิน
กลุ่มบริษัทฯ ได้สร้างบ่อกักเก็บน้ำเป็นแหล่งน้ำสำรองผิวดิน แม้พื้นที่ปฏิบัติการทั้งหมดของบริษัทฯ จะไม่ได้อยู่ในบริเวณพื้นที่ที่มีความเครียดน้ำ โดยโครงการดังกล่าวมีการดำเนินการในพื้นที่ปฏิบัติการหลายแห่ง คือ จังหวัดสระบุรี จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ บ่อ Open Pit ความจุประมาณ 200,000 ลูกบาศก์เมตร และ บ่อ P8 ความจุประมาณ 25,000 ลูกบาศก์เมตร ที่ประเทศเวียดนาม ได้แก่ ในพื้นที่ท่าเรือ Cat Lai และพื้นที่โรงงาน Hiep Phuoc และที่ประเทศศรีลังกา ได้แก่ พื้นที่โรงงานปัตาลัม ทั้งนี้ น้ำจากแหล่งสำรองน้ำผิวดินต่าง ๆ ข้างต้น จะถูกนำมาใช้ในขั้นตอนการควบคุมมลภาวะที่อาจเกิดขึ้น และควบคุมอุณหภูมิในกระบวนการผลิต ซึ่งเป็นการทดแทนและลดการพึ่งพาน้ำใต้ผิวดินตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนปี 2030 ของกลุ่มบริษัทฯ ที่มุ่งส่งเสริมการใช้น้ำผิวดินให้ได้มากกว่าร้อยละ 45


โครงการไม่ทิ้งน้ำ (Zero Discharge)
กลุ่มบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการกำจัดการน้ำเสียโดยสมบูรณ์ โดยน้ำที่ใช้ในกระบวนการผลิตภายในพื้นที่ปฏิบัติการของบริษัท จะถูกนำกลับเข้าสู่กระบวนการบำบัดก่อนนำกลับมาใช้ซ้ำใหม่ทั้งหมด จึงทำให้ไม่มีน้ำเสียออกออกสู่แหล่งน้ำภายนอกจนเป็นศูนย์ นอกจากนี้ในพื้นที่ปฏิบัติการที่ประเทศเวียดนาม ได้จัดให้มีระบบบำบัดน้ำด้วยระบบ Waste Heat Recovery(WHR) ภายในพื้นที่ของโรงงาน Hon Chong :ซึ่งน้ำที่ใช้ในการผลิต จะได้รับการบำบัดและนำกลับมาใช้ใหม่ จำนวน 10,000–15,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี และยังสามารถนำน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัด มาใช้ในโรงงาน Hon Chong และท่าเรือ Cat Lai กลับมาใช้ในธุรกิจอื่น ของบริษัทฯ ได้ด้วย

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------